รหัสสินค้า | VK 00374 |
หมวดหมู่ | บำรุงผิวขาวใส รักษาสิว กลูต้าไธโอน |
ราคาปกติ | |
ลดเหลือ | 980.00 บาท |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
ลงสินค้า | 7 เม.ย. 2557 |
อัพเดทล่าสุด | 21 เม.ย. 2564 |
คงเหลือ | 0 ชิ้น |
Neocell Pomegranate Extract 1000 mg 90 เม็ด (USA)
ในประวัติศาสตร์ พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปี มาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณ มีความเชื่อว่า คุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้น รวมกันอยู่ในทับทิม
ทับทิมอุดมด้วย Ellagic Acid ช่วยลดการเกิดจุดด่างดำได้เยี่ยม สารตัวนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ครีมชั้นนำทั่วโลกเลือกสารสกัดทับทิมมาผสมใน ครีมบำรุงผิว และยังใช้ทำเป็นอาหารเสริมอีกด้วยโดยเฉพาะที่อเมริกาและญี่ปุ่น
รับประทาน : ครั้งละ 1 เม็ด พร้อมอาหารเช้่า - เย็น
เลขที่อย. 10-3-16553-1-0001
สอบถามและสั่งซื้อโดยตรง /สนใจสั่งซื้อสินค้า
"จัดส่งพัสดุทั่วประเทศ
ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซียม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิตและ ระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าทับทิมมีประโยชน์ดังต่อไปนี้
* การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของหัวใจและตับ
* การฟอกไตและท่อปัสสาวะ
* สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย
* ขจัดไขมันส่วนเกิน
* เป็นยาบำรุงกำลัง
* ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง
* ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน
* ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต
* การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน
* สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ
* ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและ เพิ่มพลัง
* ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ
* ทำให้ผิวหน้าสวย
ขนาดบรรจุ 90 เม็ด
วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 เม็ด พร้อมอาหารเช้า-เย็น
Servings Size 2 capsules
Servings Per Container 45
Amount Per Serving | %Daily Value | |
---|---|---|
Pomegranate Extract (seed)(70% ellagic acid) | 1000 mg | † |
†Daily value not established.
Descriptions
- Fights free radicals
- Supports cardio health
- Promotes anti-aging and provides menopausal symptom relief
NeoCell Pomegranate supplements are from the seed of the pomegranate fruit. This formula protects and improves cardio health, provides menopausal symptom relief and promotes anti-aging. The centuries-old Pomegranate, once enjoyed as nothing more than a fruit, is now being hailed by researchers as having extraordinary antioxidant properties that protect the body from free radicals. Recent studies show a positive connection between the pomegranate, which has polyphenols, and heart health. Pomegranate from the seed is made from the juice that is extracted from the seeds, which feature the highest level of antioxidant capacity. Its potency is unique and daily consumption provides significantly dramatic results. This product contains no starch, yeast, wheat, corn, cholesterol or dairy products.
เรื่องของ ทับทิม Pomegranate
ผลไม้ผลกลม ๆ มีหนังเหนียวนี้เต็มไปด้วยเมล็ดที่เบียดกันแน่นเต็มในผล ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินเอ, ซี, อี และธาตุเหล็ก ทับทิมมีการเพาะปลูกตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แม้ว่ามันจะเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเปอร์เซีย แต่มันได้กระจายไปทุกที่ จากสเปนไปจนถึงแคลลิฟอร์เนีย แม้แต่มีบทบาทอย่างมากในเทพนิยาย โดยมันเป็นสัญลักษณ์ของการเกิด ชีวิตชั่วนิรันดร์ และความตาย เพราะมันอุดมไปด้วยเมล็ดมากมาย และความสามารถในการเจริญพันธุ์ สีแดงของทับทิมถูกคิดเชื่อมโยงไปถึงเลือด สีต้องห้าม ซึ่งมันถูกเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับความปรารถนาต้องห้าม
ชาวอียิปต์โบราณถูกฝังพร้อมกับทับทิมในความเชื่อเรื่องการกลับมาเกิดใหม่ ปัจจุบัน ประเพณีของกรีกใช้ทับทิมในงานแต่งงานให้เป็นสัญลักษณ์ของการสืบพันธุ์ที่สมบูรณ์ ในจีน มีการกินเล็ดทับทิมในวันให้ศีลให้พรของงานแต่งงาน ทับทิมถูกใช้เป็นยาพื้นบ้านของตะวันกลาง อิหร่านและอินเดีย มานาน หมอชาวบ้านใช้เปลือกไม้ ใบไม้ และเปลือกของมัน ในการรักษาโรคเกือบทุกโรค ตั้งแต่ โรคตาแดงไปจนถึงริดสีดวงทวาร น้ำต้มเปลือกทับทิมกล่าวว่าช่วยแก้เจ็บคอ และยาพอกจากใบของมันเมื่อเอามาทาที่หนังศีรษะ จะช่วยแก้อาการหัวล้านได้ นอกจากนั้นน้ำทับทิมยังเหมาะสำหรับคนตั้งครรภ์ เพราะมันอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก มันช่วยให้ร่างกายเย็นลงและดีสำหรับล้างระบบในร่างกาย
การปรุงอาหารของชาวเอเชียกลางและตะวันออกกลาง มักใช้ผลไม้เป็นส่วนประกอบ ในประเทศอาเซอร์ไบจัน ซอสทับทิม ที่เรียกว่า Narsharab ถูกเสิร์ฟพร้อมกับปลาสเทอจินสอดไส้ ในจอร์เจียใช้เมล็ดทับทิมเป็นส่วนประกอบในสลัดหรืออาหารจานเนื้อ ในอิหร่าน อาหารที่ชื่อว่า Ferenjan ประกอบด้วยน้ำทับทิมเข้มข้น มันประกอบไปด้วยเมล็ดวอลนัท คั่วจนเหลือง หอมทอด และเนื้อเป็ดหรือไก่ ตามด้วยซอสน้ำทับทิม มันเป็นส่วนผสมที่น่าพิศวงแต่อุดมไปด้วยคุณค่า
ทางฝั่งตะวันตก ผลไม้นี้ยังถูกมองว่าเป็นของแปลก มีนักเขียนเกี่ยวกับอาหารกล่าวว่า มันเป็นผลไม้ที่มีความหวานและเปรี้ยวที่ลงตัวกว่าผลไม้ใด ๆ
ทับทิม (Pomegranate) ชื่อท้องถิ่น เซี๊ยะลิ้ว, พิลา, พิลาขาว, มะก่องแก้ว, มะเก๊าะ, หมากจัง เป็นไม้ผลขนาดเล็ก มีขนาดประมาณ 5-8 เมตร แพร่กระจายออกไปทั้งในเขตร้อน (tropical) และกึ่งร้อน (Sub-tropical) ของทวีปเอเชีย ยุโรป รวมทั้งในทวีปแอฟริกาด้วย ทับทิมชอบอากาศหนาวเย็นและอยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะอย่างน้อย 300 เมตร ยิ่งอากาศหนาวเนื้อทับทิมจะมีสีแดงเข้มมากขึ้น ส่วนที่เรียกทับทิมหนูเป็นทับทิมเช่นกันแต่ต่างสายพันธุ์ สูงเต็มที่ไม่เกิน 120 เซนติเมตร มีดอกสีแดงตลอดปี นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
สันนิษฐานกันว่าต้นกำเนิดของทับทิมนั้นอยู่ในแถบเอเชียตะวันตกหรือดินแดนที่เรียกกันว่าเปอร์เซีย (ปัจจุบันก็คืออิหร่าน) มีมานานหลายพันปีแล้วเพราะปรากฏในบันทึกมากมายในสมัยนั้น เช่น เทวตำหนักกรีก การแพทย์แผนโบราณของอียิปต์ คัมภีร์ไบเบิล เป็นต้น โดยได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรค
ในตำรับการแพทย์โบราณของเปอร์เซียระบุว่า ทับทิมมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยฟอกไตและท่อปัสสาวะ ช่วยการทำงานของหัวใจและตับ เป็นยาบำรุงกำลัง ฟอกโลหิต ช่วยในการย่อยอาหารขจัดไขมันส่วนเกิน ปรับฮอร์โมนในสตรีวัยทอง ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันโรคขี้หลงขึ้ลืมและช่วยให้ผิวพรรณดี
ทับทิมกับ...ความเชื่อ
ทับทิม มีบทบาทอย่างมากในตำนานต่างๆ ของหลายประเทศ เป็นสัญลักษณ์ของการเกิด ความสามารถในการเจริญพันธุ์ ชีวิตชั่วนิรันดร์ และความตาย เพราะทับทิมมีเมล็ดมากมาย อาทิเช่น ชาวกรีกใช้ทับทิมในงานแต่งงานเป็นสัญลักษณ์ของการดำรงเผ่าพันธุ์ ชาวยิวถือว่าทับทิมเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า เด็กที่กินผลทับทิมจะปลอดภัยจากภูตผีปีศาจทั้งปวง ชาวฮินดูเชื่อ ว่า ทับทิมเป็นผลไม้โปรดของพระพิฆเณศจึงนิยมนำผลทับทิมไปถวาย และใช้ดอกทับทิม บวงสรวงบูชาพระอาทิตย์ พระนารายณ์ และเทวีลักษมี อีกด้วย
ทับทิมเป็นผลไม้มงคลของจีน กิ่งใบทับทิมเป็นใบไม้สิริมงคลที่ใช้ทุกงานที่มีน้ำมนต์ประกอบพิธี โดยจะใช้พรมน้ำมนต์และ มีไว้ติดตัวเพื่อคุ้มครองกันภัย มีเรื่องเล่าว่า เพราะเป็นพันธุ์ไม้ที่ถูกนำมาเผยแพร่ในเมืองจีนพร้อมกับ พระพุทธศาสนา ซึ่งประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า " พระถังซัมจั๋ง " ได้ไปอาราธนาพระไตรปิฎกที่อินเดีย ท่านได้นำพันธุ์ไม้ต่างๆ มาด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือทับทิม ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมาก จึงสื่อความหมายถึงการ ให้มีลูกชายมากๆ
ชาวจีน ถือว่าต้นทับทิมเป็นไม้มงคลโดยเฉพาะทับทิมชนิดดอกสีขาวและเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความอุดมสมบูรณ์ ใบและกิ่งของทับทิมจะช่วยขจัดและขับไล่ภูติผีปีศาจได้ จึงนิยมปลูกทับทิมไว้บริเวณบ้าน และใช้ใบทับทิมแช่น้ำล้างหน้า ล้างมือ หลังกลับจากงานศพเพื่อมิให้วิญญาณติดตามเข้ามาในบ้าน นอกจากชาวจีนยังมีความเชื่อว่า หากนำทับทิมเป็นของขวัญแต่คู่บ่าวสาวก็จะทำให้มีลูกหลายมากมาย ทับทิมมีเมล็ดมาก จึงสื่อนัยถึงการมีบุตรชายหลายคน ในพิธีแต่งงานชาวจีนจะปักยอดทับทิมไว้ที่ผมเจ้าสาว และให้ผลทับทิมเป็นของขวัญแก่บ่าวสาว
ใบ มีรสฝาด แก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด สมานแผล ดอก มีรสฝาดหวาน ต้มดื่มแก้หูชั้นในอักเสบ บดโรยแผลที่มีเลือดออก เนื้อมีรสหวานอมเปรี้ยวเป็นยาระบายอ่อน ๆ บำรุงหัวใจ เปลือกมีรสฝาด ต้มดื่มแก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด ถ่ายพยาธิ แก้ตกขาว สมานแผล ฆ่าเชื้อโรค เปลือกราก ต้มดื่มแก้ระดูขาว แก้ตกเลือด ถ่ายพยาธิ
ส่วนตำรับสมุนไพรจีนถือว่าทับทิมมีฤทธิ์เย็น รสหวานอมเปรี้ยวจึงช่วยแก้กระหาย ป้องกันโลหิตจางระงับกลิ่นปาก ลดไข้ แก้ตาอักเสบ หลอดลมอักเสบ และบำรุงตา
ทับทิม…แพทย์ทางเลือก แพทย์แผนไทย
1. บาดแผลจากเชื้อรา แผลเรื้อรังที่ผิวหนัง ให้ใช้เปลือกรากพอประมาณ นำมาต้มใช้น้ำล้างแผล
2. บิดเรื้อรัง หรือถ่ายเป็นเลือด ใช้เปลือกผิงไฟให้เกรียม นำมาบดให้ละเอียด ประมาณ 3-6 กรัม ผสมกับน้ำข้าวกิน หรือมะเขือยาว 1 ลูก แล้วต้มดื่ม
3. โรคผิวหนังเรื้อรัง น้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ คั่วหรือผิงให้เกรียม บดละเอียดผสมน้ำมันพืช ทาบริเวณแผล หรือจะใช้เปลือกและสารส้มในปริมาณเท่าๆ กัน บดให้ละเอียด ทาบริเวณรอยโรค
4. เท้าที่เป็นแผลเน่าเรื้อรัง นำเปลือกมาต้มเคี่ยวน้ำให้เหลว แล้วปล่อยให้ตกตะกอน ใช้ทาบริเวณแผลเป็นทุกวัน
5. แก้เลือดกำเดาไหลไม่หยุด ดอกทับทิมสด โขลก หรือหั่นให้เป็นฝอย แล้วใช้อุดจมูก
6. ขับพยาธิตัวกลมและตัวตืด ให้ใช้เปลือกรากที่แห้งแล้วประมาณ 18 หรือ 25 กรัม นำมาตำให้ละเอียดแล้วใช้ต้มน้ำกิน หรือรินเอาน้ำต้มใส่ข้าวข้นๆ กินก่อนอาหาร
7. หญิงที่เป็นระดูขาว หรือตกเลือดมากผิดปกติ ให้ใช้รากที่สดประมาณ 1 กำมือ นำมาเผาไฟให้เกรียม จากนั้นเอาไปต้มหรือเคี่ยวกับน้ำให้ข้น ใช้กินครั้งละ 1 แก้ว
8. แผลที่ถูกคมมีดหรือของมีคมทุกชนิดที่มีเลือดไหล ใช้ดอกที่แห้งแล้วนำมาตำให้ละเอียด แล้วใช้พอกบริเวณที่เป็นแผล
แม้โดยส่วนใหญ่จะพบว่าทับทิมมีประโยชน์ใช้ได้ง่าย และหาได้ง่าย แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้เช่นกัน คือ
1.เป็นบิด ท้องเสีย หรือท้องผูก ไม่สมควรใช้เปลือกรากเป็นยาแก้
2.การใช้เปลือกรากเป็นยาแก้ ควรจะใช้อย่างระมัดระวังให้มาก เพราะเปลือกรากมีพิษ
ถึงแม้จะรู้จักกันมาหลายพันปีแล้วว่า ทับทิมเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด แต่ก็ไม่ค่อยมีใครชอบกินทับทิม เหมือนผลไม้อื่น ๆ แค่นำมาใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้นอาจเป็นเพราะว่าทับทิมมีเนื้อน้อยก็เป็นได้ บ้านเราจึงไม่ค่อยมีใครปลูกขายมีแต่ปลูกเป็นไม้ประดับตามบ้าน ทับทิมก็เลยกลายเป็นผลไม้หายากค่อนข้างมีราคาแพง แต่ปัจจุบันมีทับทิมจากประเทศจีนส่งเข้ามามากและมีราคาถูกจึงถือเป็นโอกาสดีของผู้บริโภค แต่ถ้ายังหาซื้อรับประทานลำบากก็น่าจะหาต้นมาปลูกเลยก็ได้ค่ะ เพราะประโยชน์คุ้มทั้งต้นใบดอกราก
อเนกอนันต์ มหัศจรรย์คุณประโยชน์...ทับทิม Pomegranate
ผลทับทิมใช้รับประทานสดเป็นผลไม้ รสหวานหรือเปรี้ยวอมหวาน น้ำทับทิมมีวิตามินซีสูง ทั้งยังมีสารเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในปริมาณที่สูง
น้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูง สามารถลดภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง บรรเทาโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลังและความงาม ดื่มน้ำทับทิมคั้นวันละแก้วจะช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด ลดการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง และช่วยเสริมสุขภาพของหัวใจให้ดีขึ้น
การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาพบว่า น้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูง สามารถลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา รวมทั้งทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีมีความหนาตัวลดลงและลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ช่วยบำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดโดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ นอกจากนี้สารจากทับทิมยังช่วยบำรุงตับมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับและยับยั้งเซลล์มะเร็งอีกด้วย
การทดลองทางเภสัชวิทยาพบว่า เปลือกหุ้มรากทับทิมมีฤทธิ์ในการขับพยาธิตัวตืด นอกจากนี้เปลือกหุ้มรากยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อได้หลายชนิด เช่น เชื้อไทฟอยด์ เชื้อวัณโรค เป็นต้น และยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อราที่ผิวหนังด้วยจากการศึกษาวิจัยพบว่าในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูง 22-25% โดยประกอบด้วยสารแทนนินในกลุ่ม มี Gallotannin เปลือกทับทิมตากแห้งใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิดได้ นอกจากนี้ยังพบสารแทนนินในกลุ่ม Ellagictannin ในปริมาณสูง สารในกลุ่มนี้มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่ดี โดยมีสรรพคุณลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้านมะเร็งกว่า 13 ชนิด ไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบว่ามีคุณสมบัติในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร และลำไส้ใหญ่ ซึ่งพบว่าการให้กรดเอลลาจิกกับสัตว์ทดลอง สารดังกล่าวจะไปเร่งการเจริญของเซลล์มะเร็งแบบอะมอพโดซีส (Amoptosis) ทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายโดยกลไกการแตกตัวของตัวมันเองได้
จากตำรับการแพทย์โบราณของเปอร์เซียระบุว่า ทับทิมมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยฟอกไตและท่อปัสสาวะ ช่วยการทำงานของหัวใจและตับ เป็นยาบำรุงกำลัง ฟอกโลหิต ช่วยในการย่อยอาหารขจัดไขมันส่วนเกิน ปรับฮอร์โมนในสตรีวัยทอง ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันโรคขี้หลงขึ้ลืมและช่วยให้ผิวพรรณดี ซึ่งการศึกษาวิจัยในระยะหลังก็ช่วยยืนยันถึงสรรพคุณทางยาและประโยชน์ของทับทิมไว้มากมาย ได้แก่ ในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูงมีสรรพคุณใช้เป็นยาแก้ท้องเดิน โรคบิด ฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายสิบชนิด ลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้าน และยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิดไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อลูกหมาก เป็นต้น
น้ำทับทิม
การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาพบว่า ในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูง สูง สารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้เซลล์ของร่างกาย (โดยเฉพาะเซลล์ไขมันที่เต้านม) มีความแข็งแรง เกิดภูมิคุ้มกันขึ้นภายในเซลล์ ทำให้เซลล์มีความต้านทานต่อพิษของสารก่อมะเร็ง จึงสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้ ในกรณีที่คนป่วยเป็นมะเร็งเต้านมแล้ว สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมจะช่วยยับยั้งเซลล์ มะเร็งไม่ให้แพร่กระจายลุกลามมากขึ้น
นอกจากนี้ น้ำทับทิมยังช่วยลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา รวมทั้งทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมลดลง ทั้งยังบำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ นอกจากนี้สารจากทับทิมยังช่วยบำรุงตับ มีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับและยับยั้งเซลล์มะเร็งอีกด้วย
คุณค่าสารต้านอนุมูลอิสระ
น้ำทับทิมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระดีมากเกิดจากจากสารกลุ่มโพลีฟีนอลและแอนโทไซยานินปริมาณสูงที่พบในน้ำทับทิมน้ำทับทิมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเป็น 3 เท่าของไวน์แดงและชาเขียวและสูงกว่าน้ำบลูเบอร์รีน้ำแครนเบอร์รีน้ำองุ่นสีม่วงและน้ำผลไม้ชนิดอื่น ๆ เป็นที่ทราบกันดีว่า สารโพลีฟีนอลสามารถยับยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี หรือแอลดีแอล-คอเลสเตอรอล (LDL-C, low densitylipoprotein cholesterol) ลดการสร้างโฟมเซลล์ และลดการแข็งตัวของหลอดเลือด
การศึกษาทางคลินิกพบว่าน้ำทับทิมมีผลดีต่อการป้องกันการเกิดโรคหัวใจ น้ำทับทิมลดความข้นของเลือดจากภาวะไขมันสูง งานวิจัยชิ้นหนึ่งกล่าวว่าน้ำทับทิมเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้เลือดสูบฉีดไปยังหัวใจได้ดีขึ้น ด้วยการลดความหนาของผนังหลอดเลือดคาโรติด ทั้งยังช่วยในเรื่องการทำงานของไนตริกออกไซด์ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบผ่อนคลาย ลดภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือดจากสาเหตุไขมันในเลือดสูง ลดความดันเลือด หยุดการสะสมของไขมัน และสลายไขมันที่สะสมอยู่ในหลอดเลือด
อนุมูลอิสระเป็นตัวทำให้คอเลสเตอรอลมีการเปลี่ยนแปลงโดยปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งคอเลสเตอรอลที่เปลี่ยนแปลงนั้นจะไปเร่งการแข็งตัวของหลอดเลือด น้ำทับทิมช่วยลดปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระลงได้ครึ่งหนึ่ง สามารถลดปริมาณไขมันไม่ดีหรือคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีที่ทำให้เกิดหลอดเลือดอุด ตันซึ่งนำไปสู่อาการโรคหัวใจ นอกจากนี้น้ำทับทิมยังลดปริมาณพลัค (plaque)*** ในหลอดเลือดแดงใหญ่ และเพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลดีอีกด้วย
****ภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว (Atherosclerosis) คือการอักเสบเรื้อรังของเส้นเลือดที่ทำให้หลอดเลือดมีความหนาตัวขึ้น มีไขมันและหินปูนไปเกาะ มีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่สำคัญของร่างกายไม่เพียงพอ ซึ่งผู้ป่วยอาจไม่มีอาการ แต่ถ้าภาวะหลอดเลือดแข็งตัวเป็นมาก ก็จะทำให้มีอาการของอวัยวะขาดเลือดเมื่อมีการใช้งานมาก เช่น อาการเจ็บหน้าอกหลังจากออกกำลังกาย หรืออาการปวดขาหลังจากเดินนาน ๆ
บริเวณพื้นผิวภายในของหลอดเลือดที่มีไขมันไปเกาะอยู่ เรียกว่า plaque*** ซึ่งบางครั้งจะเกิดการแตกของ plaque และตามมาด้วยการเกาะของเกล็ดเลือด ส่งผลให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดโดยเฉียบพลัน และทำให้มีภาวะขาดเลือดของอวัยวะที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น ภาวะหัวใจหรือสมองขาดเลือด
ป้องกันและรักษามะเร็ง
น้ำทับทิมมีผลลดการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งผิวหนัง งานวิจัยพบว่า น้ำทับทิมสดและน้ำทับทิมที่ผ่านการหมัก มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมและมะเร็งผิวหนัง เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านมจำนวนหนึ่งมีฤทธิ์เป็นเอสโทรเจนจากพืช
เอลลาจิแทนนินเป็นสารโพลีฟีนอลสำคัญที่พบอยู่ในน้ำทับทิมปริมาณมาก เมื่อผ่านเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนสภาพเป็นกรดเอลลาจิกซึ่งจะถูกแบคทีเรียในร่างกายมนุษย์เปลี่ยนเป็นอนุพันธ์ของสารยูโรลิทินเอ (urolithin A derivative) ต่อไป ซึ่งสาร Urolithin A derivative ดังกล่าว มีคุณสมบัติทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหารและลำไส้ใหญ่ สารดังกล่าวจะไปยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้มีการแบ่งตัวเพิ่มมากขึ้น คือเซลล์มะเร็งมีปริมาณเท่าเดิมไม่ขยายวงกว้างขึ้น สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมจะไปดูแลเซลล์ดีที่อยู่รอบๆ เซลล์มะเร็ง ให้มีความแข็งแรงและมีภูมิต้านทาน เซลล์มะเร็งจึงลุมลามมาทำอันตรายไม่ได้หรือได้น้อย
น้ำทับทิมมีคุณสมบัติทำให้ผิวหน้าเต่งตึงได้ ใช้น้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชาทาบนใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น นอกจากนี้การดื่มน้ำทับทิมยังช่วยให้ผิวสวยจากภายใน โดยคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระจะป้องกันผิวจากการทำลายของรังสีอัลตราไวโอเลต อีกทั้งเสริมสุขภาพโครงสร้างเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นนอกด้วย
เชื่อกันว่าน้ำทับทิมบรรเทาอาการแพ้ท้องในสตรีมีครรภ์ ปรับฮอร์โมนวัยหมดประจำเดือน เสริมสุขภาพทางเพศให้ท่านชาย ช่วยบำบัดโรคเบาหวาน และป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ ถ้ามีข้อมูลด้านงานวิจัยสนับสนุนความเชื่อเหล่านี้จะได้นำมาเสนอในโอกาสต่อไป
นักวิทยาศาสตร์ในอิสราเอลกล่าวว่าการดื่มน้ำทับทิมวันละแก้วจะช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
ศาสตราจารย์ Michael Auiram ผู้นำทีมการศึกษากล่าวว่า น้ำทับทิมมีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำผลไม้ชนิดอื่น ไวน์แดงและชาเขียว นี่เป็นข่าวดีที่สารต่อต้านอนุมูลอิสระที่พบในพืช เป็นสารจากธรรมชาติที่ช่วยปกป้องร่างกายเราจากอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระ หรือ free radicals จะเป็นตัวทำให้คอเลสเตอรอลมีการเปลี่ยนแปลงโดยปฏิกิริยา oxidation ซึ่งคอเลสเตอรอลนั้นจะไปเร่งการแข็งตัวของหลอดเลือด
การศึกษาที่ Rambam Medical Center ใน Haifa พบว่าน้ำทับทิมช่วยทำให้ปฏิกิริยา oxidation ของคอเลสเตอรอลเกิดช้าลงครึ่งหนึ่ง และช่วยลดปริมาณ LDL ลงด้วย (LDL เป็นคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน ซึ่งนำไปสู่โรคหัวใจ)
สารต่อต้านอนุมูลอิสระจะช่วยป้องกันเราจากสิ่งต่างๆที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาoxidattion ในโลกแห่งโรงงานอุตสาหกรรมอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้เช่นมลภาวะสารเคมีไวรัสแบคทีเรียและผลจากโรคหัวใจและมะเร็ง
งานวิจัยเน้นไปที่ประชาชนคนที่มีสุขภาพของหลอดเลือดดีอยู่ นักวิจัย Dr. Richard Bogle กล่าวว่า ทับทิมประกอบไปด้วยสารPolyphenolic, Tannin และAnthocyanin สารทั้งหมดมีผลที่ดีต่อร่างกายเขากล่าวว่าการศึกษานี้เป็นการทดสอบแนวความคิดที่ว่าการดื่มน้ำคั้นจากทับทิมวันละแก้วจะช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือดลดการแข็งของหลอดเลือดแดงและมีสุขภาพหัวใจที่ดีขึ้นการศึกษาในขั้นต้นพบว่าน้ำทับทิมอาจประกอบไปด้วยสารที่มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากถึงเกือบ 3 เท่าเมื่อเปรียบเทียบดับชาเขียวและไวน์แดงในปริมาณที่เท่ากัน
โพลีฟีนอล- Pholyphenols
เอลลาจิแทนนินเป็นสารโพลีฟีนอลสำคัญที่พบอยู่ในน้ำทับทิมปริมาณมาก เมื่อผ่านเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนสภาพเป็นกรดเอลลาจิกซึ่งจะถูกแบคทีเรียในร่างกายมนุษย์เปลี่ยนเป็นอนุพันธ์ของสารยูโรลิทินเอ (urolithin A derivative) ต่อไป
โพลีฟีนอล (Pholyphenols) คือสารเคมีมีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพคือ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง ลดระดับของ cholesterol และ triglyceride ในเลือด กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ต้านแบคทีเรีย ไวรัส ป้องกันฟันผุ
1. คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ : สารจำพวก Catechins น่าจะเป็นสารในชาที่มีศักยภาพในด้านประโยชน์กับสุขภาพมากที่สุด ฤทธิ์ของสารพวกนี้ คือ เป็น antioxidant ที่ช่วยจัดการ ions ของโลหะหนัก, oxygen species และ อนุมูลอิสระ จากการศึกษาพบว่า EGCG สามารถยับยั้งการทำงานของ Lipoxygenase ในถั่วเหลือง (IC 50=10-20 µMn) (Ho et al, 1892) นอกจากนั้น EGCG ยั้งสามารถยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของเบสในดีเอ็นเอของ Hela cells (Bhimani et al, 1993) ยับยั้งการเกิด oxidation ของ low-density lipoprotein (LDL)(Miura etal,1995) ลดการเกิด Peroxidation ของไขมัน (Yochino et al,1944) ยับยั้งการสร้าง reactive oxygen species (ROS) ที่ได้จาก NADPH (Blazovics et al, 2000) EGCG ที่เข้มข้นต่ำๆ ยังสามารถยับยั้งการเกิดความเสียหายของดีเอ็นเอของ Jurkat T-cell โดย Hydrogen peroxide และ 3-morpholinosydnonimine อย่างไรก็ตาม EGCG ที่มีความเข้มข้นสูงสามารถจะทำให้เกิดการทำลายดีเอ็นเอของเซลล์ได้ (Johnson and Loo, 2000)
2. คุณสมบัติต้านมะเร็ง : จากการศึกษาพบว่า polyphenols จะไปยับยั้งการทำงานของระบบเอนไซม์ cytochrome P-450 (phase I enzyme) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการเกิดสารก่อมะเร็ง (Hazaniya et al, 1997) นอกจากนี้ยังพบว่า polyphenols ช่วยการทำงานของ phase II enzyme เช่น glutathione transferase ซึ่งระบบเอนไซม์นี้มีความสำคัญในการจำกัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย (McCarty, 1997; Mukhtar and Ahmad, 1999) EGCG เชื่อว่าสามารถยับยั้งการเกิดมะเร็งโดยไปยับยั้งการทำงานของ urokinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่พบบ่อยที่สุดในการเกิดมะเร็งในมนุษย์ (Nakachi et al, 1998) อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ถูกพบว่าความเข้มข้นที่ใช้ของ EGCG เพื่อก่อให้เกิดผลดังกล่าวสูงมากกว่าปริมาณ EGCG ที่พบในชามาก (Mukhtar and Ahmad, 1999)
Polyphenols สามารถยับยั้งปฏิกิริยาการเกิด nitrosamines ได้ทั้ง in vitro และ in vivo (Tanaka et al, 1998; Wang and Wu, 1991; Wu et al, 1993) และสามารถลดการจับของสารก่อมะเร็งกับดีเอ็นเอ (Katiyar et al, 1992)
Polyphenols ทำให้เกิดการเพิ่มการทำงานของ glutathione peroxidase และ catalase ในลำไส้, ตับ และปอดของหนูทดลอง ซึ่งเอนไซม์พวกนี้จะไปยับยั้งการผลิต peroxide ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอ
Polyphenols ยังช่วยส่งเสริมการเกิด apoptosis ของ cancer cell lines ของต่อมลูกหมาก, ต่อมน้ำเหลือง, ลำไส้ใหญ่ และปอด (Taraphder et al, 2001) ซึ่งการควบคุม apoptosis นี้ น่าจะเป็นประโยชน์ในการจัดการรักษาและป้องกันมะเร็งได้ ซึ่งจากการศึกษาหลายแหล่งพบว่า polyphenols น่าจะช่วยให้เกิด apoptosis ได้ โดยการลดการสร้าง tumorneurosis facter (TNFα) (Fujiki et al,1998; Fujiki et al, 2000; Mukhtar and Ahmad, 1999; Siro and Young, 2000; Sueoka et al, 2001; Sun et al, 2002)
มะเร็งที่เกิดในมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสารก่อมะเร็งที่มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในดีเอ็นเอ Polyphenols นั้นสามารถกระตุ้นการซ่อมแซมดีเอ็นเอ โดยการเกิด nucleotide oxidation ซึ่งจะกำจัดเบสของดีเอ็นเอที่ผิดปกติ (Miyajima and Hara, 1999) นอกจากนั้นโครงสร้างของ Polyphenols นั้นยังเป็น nucleophilic ซึ่งจะไปทำปฏิกิริยากับสารก่อมะเร็งที่เป็น electriphilic ซึ่งจะทำให้เป็นการป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง (Kim and Masuda, 1997)
EGCG มีผลยับยั้งการเกิด nitric oxide (NO) ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่ทำให้เกิดการอักเสบและการเกิดมะเร็ง โดย EGCG จะไปยับยั้งการสร้างสาร nitric oxide synthase (NOS) โดยการลดการสร้าง transcription factor ของ NOS (Mukhtar and Ahmad, 1999)
3. คุณสมบัติป้องกันโรคหัวใจ : polyphenols สามารถช่วยลดการเกิด oxidation ของ low-density lipoprotein (LDL) cholesterol ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ (Weisburger, 1999) นอกจากนี้ยังพบว่าชาเขียวสามารถช่วยลดปริมาณ LDL, very low-density lipoprotein (VLDL) และ triglyceride (Muramatsu et al, 1986) และยังช่วยเพิ่มปริมาณ high-density lipoproteins (HDL) ในกระแสเลือด (Yokozawa et al, 2002) ซึ่งการมีปริมาณ triglyceride ต่ำ และ HDL สูงนี้สะท้อนถึงสุขภาพของระบบหัวใจที่ดี นอกจากนี้ยังพบว่า polyphenols ช่วยความคุมความดันโลหิตสูง โดยไปยับยั้ง angiotensis-I converting enzyme (ACE)
4. คุณสมบัติต้านโรคเบาหวาน : การศึกษาในหนูทดลอง พบว่า polyphenols สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูที่เป็นเบาหวาน (Gomes et al, 1995) polyphenols ลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยยับยั้งการทำงานของ amylase ซึ่งเป็นเอนไซม์ย่อยแป้ง polyphenols ยับยั้งการทำงานของ amylase ทั้งในน้ำลายและลำไส้ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ แป้งจะถูกย่อยช้าลง ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือดเป็นไปอย่างช้าๆ นอกจากนั้นชาเขียวยังลดการดูดซึมของกลูโคสที่ลำไส้ (Deng and Tao, 1998; Gomes et al, 1995)
5. คุณสมบัติป้องกันฟันผุ : Polyphenols ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งมีทั้งแบคทีเรียที่ก่อโรคในช่องปาก Porphyromonas gingivilis และ แบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุ Stretococcus mutans (Hara, 1997; Sakanaka, 1997)
นอกจากนuhการที่ polyphenols ยับยั้งการทำงานของ amylase ในน้ำลาย ช่วยให้การผลิตกลูโคสและมอลโตสน้อยลง ลดปริมาณอาหารของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฟันผุ นอกจากนี้ยังช่วยให้เคลือบฟันแข็งแรงต้านทานการผุ
6. คุณสมบัติต้านจุลินทรีย์ : Polyphenols มีคุณสมบัติในการต้านแบคทีเรีย เชื่อกันว่า polyphenols ทำลายเยื่อหุ้ม cell ของแบคทีเรีย การดื่มชาสามารถใช้รักษาโรคท้องร่วง และโรค typhus (Shetty et al, 1994) catechins สามารถฆ่า spores ของ Clostridium botulinum ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษ และยังสามารถฆ่าแบคทีเรียที่ทนความร้อน เช่น Bacillus subtilis, B. cereus, Vibrio parahaemolyticus และ C. perfringens (Chou et al, 1999)
7. คุณสมบัติต้านโรคอ้วน : Polyphenols สามารถยับยั้ง catechol-O-methyl transferase จึงช่วยกระตุ้นการสร้างความร้อนของร่างกาย ซึ่งช่วยเผาผลาญพลังงานและช่วยการจัดการกับโรคอ้วน (Baldessarini and Greiner, 1973) ทั้งยังมีคุณสมบัติในการชะลอการปล่อย glucose สู่กระแสเลือด ดังที่กล่าวมาแล้วในเรื่องคุณสมบัติต้านโรคเบาหวาน ซึ่งทำให้ชะลอการสร้าง insulin ซึ่งเป็น hormone ที่ส่งเสริมให้ร่างกายสะสมไขมัน ดังนั้น ร่างกายจึงเผาผลาญไขมันแทนที่จะสะสมไขมัน
ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกับการผลิตและการวิจัย คอลลาเจน ที่มีมามากกว่า 30 ปี ภายใต้มารตฐานที่ถูกควบคุมโดยกฏหมายสหรัฐอเมริกา พร้อมการรันตีด้วยเครื่องหมายการผลิตระดับมารฐานโลก อาทิเช่น GMP certificated, 100% PCR , nutrients you can trust, Pharmaceutical Foods Grade. รวมถึงรางวัลต่างๆที่ได้รับ ทำให้ Neocell Corp. มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงการความสวยความงาม ที่สำคัญมีการใช้ในคลีนิคความงาม โรงพยาบาลต่างๆ อย่างแพร่หลาย Neocell Collagen จึงเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเกรดพรีเมี่ยมในการดูแลสุขภาพผิวพรรณที่เราแนะนำ
1. สินค้าภายใต้แบนด์ Neocell เป็นอาหารเสริมคอลลาเจน นำเข้าจากอเมริกา มารตฐานทางเรากล้าการรันตีได้ว่า Neocell Collagen คุณภาพดีกว่าของไทย
2.งานวิจัยและการพัฒนาที่มีมามากกว่า 30 ปี โดยทำการศึกษาค้นคว้าวิจัยคอลลาเจนเพียงอย่างเดียว
3.ใช้เทคโนโลยีการแยกไทด์ (Type ) ซึ่งทำให้คลอลาเจน นีโอเซลล์ เป็นยี่ห้อที่ระบุได้ว่าคือ Collagen Type 1&3 ที่มีความจำเพาะต่อผิวพรรณมากที่สุด
4.ไม่มีการปลอมปนในเรื่องส่วนผสม สารให้ความหวาน แต่งกลิ่น สี หรือแต่งกลิ่น เป็นคอลลาเจน Purified 100 % ก็คือคอลลาเจนแท้ 100 % จริงๆ
5.มีรางวัลการรันตีในเรื่องของผลิตภัณฑ์ ที่ตัดสินโดยมารตฐานยุโรปและอเมริกา
6.ขึ้นทะเบียนเป็น Pharmaceutical Food Grade จึงถือว่าเป็นอาหารเสริมที่ปลอดภัยกับการนำมาใช้ในคน
7.สามารถหาข้อมูลและงานวิจัยอย่่างต่อเนื่องโดยตรงจากเวบไซด์วิชาการของต่างประเทศ หรือ neocell โดยตรง
*** ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อาจให้ผลที่แตกแต่งกัน ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจัดเป็นอาหารไม่ใช่ยา ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ผู้ที่เป็นโรคประจำตัวหรือตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
*** เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครองก่อนการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ เรามีนโยบายไม่จำหน่ายยผลิตภัณฑ์ให้แก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18ปี ในหมวดอาหารเสริมทุกประเภท
หน้าที่เข้าชม | 740,261 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 541,678 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 ก.ย. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 29 ก.ย. 2568 |